VGI แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 67/68 มีรายได้ 1,341 ล้านบาทโต 23.7% นำโดยสื่อโฆษณาทุกประเภท
บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ วีจีไอ (VGI)ผู้นำการตลาด Offline-to-Online (“O2O”) โซลูชั่นส์ผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลายรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2567/68 โดยมีรายได้จากการให้บริการและการขายอยู่ที่ 1,341 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการเติบโตของธุรกิจของบริษัทฯ ในทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล และธุรกิจการจัดจำหน่าย
ธุรกิจสื่อโฆษณามีรายได้เพิ่มขึ้นจากสื่อโฆษณาทุกประเภท โดยมีอัตราการใช้สื่ออยู่ที่ 52.1% เพิ่มขึ้นจาก 43.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าธุรกิจบริการด้านดิจิทัลมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุหลักจากการที่ RCash ปล่อยสินเชื่อดิจิทัลเพิ่มขึ้น ในขณะที่ RCare มีรายได้จากค่าคอมมิชชั่นจากการขายประกันภัยและผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ที่เพิ่มขึ้นธุรกิจการจัดจำหน่ายมีรายได้เพิ่มขึ้นจาก บริษัท ซุปเปอร์ เทอร์เทิล จำกัด (มหาชน) (TURTLE) เปิดร้านเพิ่มขึ้น
บริษัทฯ มีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น จากธุรกิจสื่อโฆษณาที่สามารถสร้างกำไรอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งธุรกิจบริการด้านดิจิทัลของบริษัทมีผลขาดทุนลดลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ในขณะที่ธุรกิจการจัดจำหน่ายมีอัตราขาดทุนสุทธิที่ลดลงเนื่องจากการขยายร้านสาขา TURTLE ช่วยให้เกิดการประหยัดต่อขนาด และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารค่าใช้จ่าย นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังรับรู้ผลกำไรจากการร่วมค้าและบริษัทร่วม ส่งผลให้ในภาพรวม บริษัทฯ รายงานกำไรสุทธิ 78 ล้านบาท
ในส่วนของผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2567/68 บริษัทฯ มีรายได้ 2,545 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.3% และพลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 141 ล้านบาท จากงวดครึ่งปี 2566/67 โดยมีสาเหตุหลักจากไม่มีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หลังจากการจำหน่ายเงินลงทุนในเคอรี่ไปแล้วในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2567 คาดว่าจะมีการขยายตัวร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับร้อยละ 1.9 ในปี 2566โดยมีปัจจัยสนับสนุนที่เอื้อต่อสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจ ทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ส่งผลให้ภาคธุรกิจใช้งบประมาณในการโฆษณามากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อธุรกิจสื่อโฆษณาและความบันเทิงของบริษัทฯ
นอกจากนี้ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2567 ได้อนุมัติการขายหุ้นสามัญของบริษัท ร็อคเทค โกลบอล จำกัด (มหาชน) (ROCTEC) ให้กับ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งบริษัทฯ ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ และได้รับเงินจำนวน 2,191.2 ล้านบาทแล้ว นอกจากนั้น ยังได้อนุมัติการเพิ่มทุนจำนวน 13,208.2 ล้านบาท ให้กับกลุ่มนักลงทุนโดยเฉพาะเจาะจง (PP) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 2567 ซึ่งหากดำเนินธุรกรรมทั้งสองเสร็จสิ้น บริษัทฯ จะมีเงินสดเพิ่มจำนวน 15,399.4 ล้านบาท และมีความพร้อมสำหรับการลงทุนในธุรกิจธนาคารไร้สาขา ขยายธุรกิจเดิม และรองรับโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต