VGI ร่วมทุน iClick Interactive จัดตั้งบริษัทเทคโนโลยีด้านการตลาด เพิ่มขีดความสามารถในการบริหารการตลาดแบบดิจิทัลที่กำลังเติบโตของประเทศไทย และเชื่อมต่อแบรนด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้ากับโอกาสทางธุรกิจจากประเทศจีน
คุณเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท VGI Global Media Plc. (ภาพซ้าย) และ คุณ Sammy Hsieh ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO บริษัท iClick Interactive Asia Limited (ภาพขวา)
กรุงเทพฯ และฮ่องกง 24 เมษายน 2562 – บริษัท วีจีไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ วีจีไอ (VGI) ผู้นำ Offline-to-Online (“O2O”) Solutions บนแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ ร่วมกับบริษัท iClick Interactive Asia Group Ltd. (“iClick”) (Nasdaq: ICLK) ผู้นำแพลตฟอร์มการตลาดออนไลน์และเทคโนโลยีฐานข้อมูลในประเทศจีน ทั้งยังเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประกาศการลงนามในสัญญาร่วมทุนเพื่อร่วมมือกันจัดตั้งบริษัท เพิ่มโอกาสให้แบรนด์ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เข้าถึงตลาดผู้บริโภคในประเทศจีนที่มีมูลค่ากว่าหลายพันล้านดอลลาร์ ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาด
การร่วมมือในครั้งนี้เป็นการดึงจุดแข็งของ VGI เเละ iClick มาผนึกกำลังในการสร้างโอกาสทางธุรกิจของแบรนด์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้เข้าถึงความต้องการของตลาดผู้บริโภคในประเทศจีนที่มีขนาดใหญ่และกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก ซึ่งทั้งสองบริษัทจะร่วมกันสร้างโอกาสทางการตลาดแบบข้ามพรมแดนที่ไร้ขีดจำกัด ด้วยเทคโนโลยีมือถือและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ดังต่อไปนี้
- Mobile Application – ด้วยพลังของเทคโนโลยี AI โมบายแอปพลิเคชัน ที่สามารถสร้างเนื้อหาทางการตลาดได้ตรงตามลักษณะส่วนบุคคลหรือความสนใจของผู้ใช้งานได้ จึงทำให้แบรนด์สามารถกำหนดและแบ่งกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
- China Solutions – โซลูชั่นส์การตลาดดิจิทัลที่หลากหลาย ทั้งบนโลกโซเชียล และโทรศัพท์มือถือ ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ลูกค้าได้รับข้อมูลความสนใจเชิงลึกจากฐานข้อมูลผู้บริโภคในตลาดจีนของ iClick กว่า 780 ล้านผู้ใช้งานเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ลูกค้า ในการได้รับข้อมูลของผู้บริโภคที่ตรงกลุ่มเป้าหมายจากหลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะข้อมูลตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีนัยสำคัญ
O2O Solutions – Mobile charging station หรือ เครื่องบริการชาร์จมือถือที่มีหน้าจอดิจิทัลสำหรับนำเสนอคอนเทนท์การตลาด ซึ่งจะถูกติดตั้งบนเครือข่ายของ VGI ทั้งหมด 10,000 จุด ทั่วประเทศไทย โดยมีจุดติดตั้งที่โดดเด่นและน่าสนใจ อาทิ สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ผู้นำด้านการให้บริการระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ในประเทศไทย และศูนย์ขนส่งสินค้าของ Kerry Express ซึ่งเป็นผู้นำด้านการขนส่งพัสดุด่วนชั้นนำของประเทศไทย
คุณเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ VGI กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นบทบาทใหม่ครั้งสำคัญสำหรับการตลาดดิจิทัลในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ผนึกความแข็งแกร่ง และร่วมเป็นพันธมิตรกับ iClick ซึ่งจะช่วยทำให้บริษัทสามารถเพิ่มศักยภาพในการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดภายในภูมิภาคได้ ด้วยความเชี่ยวชาญของ iClick ในการวิเคราะห์ตลาดดิจิทัล รวมถึงความชำนาญในตลาดประเทศจีนและภูมิภาคเอเชีย จะทำให้เราสามารถนำเสนอกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างตรงกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบและวัดผลกลยุทธ์ทางการตลาดได้อีกด้วย และเราจะยังคงมุ่งเน้นในการพัฒนาและขยายธุรกิจผ่านกลยุทธ์ O2O Solutions เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศจีนที่ยังคงเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง”
Sammy Hsieh, ผู้ร่วมก่อตั้ง และ CEO ของ iClick กล่าวว่า “การนำเสนอโซลูชั่นส์ผ่านนวัตกรรมที่มีความหลากหลายร่วมกันในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งบนตลาดดิจิทัลในภูมิภาคให้กับทั้ง VGI และ iClick ทั้งนี้ด้วยความต้องการของผู้บริโภคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการนำเสนอโฆษณาที่สอดคล้องตรงตามความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ ถือเป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของการโฆษณาในอนาคต เราเชื่อมั่นว่าการร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ VGI ในครั้งนี้ จะเสริมสร้างแพลตฟอร์มการตลาดที่ยิ่งใหญ่และสร้างสรรค์มากขึ้นให้กับแบรนด์ในภูมิภาค และยังเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจและการลงทุนใหม่ๆ ของทั้งสองบริษัทในอนาคตอีกด้วย”
การร่วมลงทุนในครั้งนี้จะเป็นการแสดงศักยภาพที่สำคัญแก่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากข้อมูลของกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของประเทศจีนพบว่า จีนเป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังต่างประเทศติดอันดับสูงสุดของโลกกว่า 150 ล้านครั้ง ในปี 2561 ซึ่งจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทางเหล่านี้ก็คือประเทศไทย ตามด้วยญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งนักท่องเที่ยวชาวจีนมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายในต่างประเทศถึง 258 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2560 คิดเป็น 21% ของการใช้จ่ายทั่วโลก ซึ่งในการร่วมลงทุนครั้งนี้เรายังเล็งเห็นถึงโอกาสของธุรกิจค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภค การดูแลสุขภาพ และความบันเทิงอีกด้วย โดยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในครั้งนี้ จะได้รับการอนุมัติภายใต้กฎระเบียบบางประการ